ไขมันทรานส์ ไขมันที่ควรเลี่ยง

ไขมันทรานส์ ไขมันที่ควรเลี่ยง

Share : facebook share line share.png twitter share messenger share

บทความ แมนเนเจอร์

ไขมันทรานส์ ไขมันที่ควรเลี่ยง



     ไขมันเป็นสารอาหารที่ให้พลังงานสูง หากรับประทานมากไปอาจทำให้เกิดโรคอ้วนได้ ไขมันในอาหารทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นไขมันชนิดใดก็ตาม เมื่อกินเข้าไปก็อ้วนเท่ากัน ไขมันไม่ว่าจะมาจากพืชหรือสัตว์ให้พลังงานประมาณ 9 กิโลแคลอรีต่อกรัม ซึ่งการรับประทานไขมันอย่างพอเหมาะมีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งในแง่การให้พลังงานและช่วยดูดซึมวิตามิน A,D,E,K แต่จะมีไขมันชนิดหนึ่ง ซึ่งไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายและยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง แล้วอาจจะทำให้ความจำเสื่อมได้อีกด้วย ไขมันที่ว่านี้ก็คือ “ไขมันทรานส์”

 

     ไขมันทรานส์พบได้น้อยมากในอาหารธรรมชาติ แต่ส่วนใหญ่เกิดจากกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมอาหารดัดแปลงให้อาหารเก็บได้นานขึ้น รสชาติและสัมผัสดีขึ้น ทำให้ต้นทุนต่าง ๆ ในการผลิตอาหารลดลง  ไขมันทรานส์เกิดจากการที่น้ำมันพืชชนิดไม่อิ่มตัวมาผ่านขบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน ทำให้น้ำมันเปลี่ยนสภาพจากของเหลวกลายเป็นของกึ่งแข็งกึ่งเหลวที่อุณหภูมิห้อง ซึ่งโครงสร้างจะเปลี่ยนจาก cis เป็น trans ทำให้โครงสร้างเปลี่ยนแปลงไปเป็นไขมันคล้ายไขมันอิ่มตัว เกิดผลคล้าย ๆ ไขมันอิ่มตัว แต่แย่กว่าไขมันอิ่มตัว น้ำมันพืชที่ผ่านกระบวนการนี้ก็กลายเป็นเนยเทียม หรือ เนยขาว วิธีสังเกตในฉลากโภชนาการว่ามีไขมันทรานส์ คือ น้ำมันที่ระบุว่ามี partially hydrogenated oils ( PHOs ) เป็นองค์ประกอบ

 

     อาหารที่มีไขมันทรานส์ ได้แก่ อาหารที่ใช้เนยเทียมหรือเนยขาวชนิดที่ผ่านขวบการเติมไฮโดรเจนบางส่วน เช่น เบเกอรี่ โดนัททอด พายกรอบ รวมทั้งอาหารที่ผ่านการทอดด้วยความร้อนสูงมาก ๆ อาจใช้น้ำมันผ่านขบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนเป็นองค์ประกอบ แถมถ้ากินอาหารทอดด้วยน้ำมันที่ผ่านการทอดซ้ำหลาย ๆ ครั้ง อาจได้รับสารก่อมะเร็งได้อีกด้วย ไขมันทรานส์มีผลเสียต่อสุขภาพ หากรับประทานมาก ๆ จะทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ลดระดับไขมันดีในเลือดเปลี่ยนเป็นเพิ่มไขมันเลวในเลือดและทำให้เกิดภาวะดื้ออินซูลินมากขึ้น ทำให้เสี่ยงเป็นเบาหวาน นอกจากนี้อาจทำให้มีความจำแย่ลงโดยเห็นได้ชัดในคนอายุน้อย

 

     ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดให้มีการห้ามผลิต นำเข้า หรือ จำหน่ายน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดนเจนบางส่วนและอาหารที่มีน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดนเจนบางส่วน ซึ่งเป็นแหล่งเกิดไขมันทรานส์ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม พ.ศ.2562 เป็นต้นมา ทำให้ผู้ประกอบการไขมันปรับสูตรการผลิตไขมันได้ปรับสูตรการผลิตไขมันและปรับสูตรผลิตภัณฑ์อาหารทำให้อาหารในประเทศไทยมีองค์ประกอบของไขมันทรานส์ลดลง การรับประทานอาหารควรควบคุมปริมาณให้เหมาะสมและหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันทรานส์และไขมันอิ่มตัวเป็นส่วนประกอบให้ได้มากที่สุดเพื่อนสุขภาพที่ดีของคุณค่ะ

 

ด้วยความปรารถนาดีจาก Mannature

ขอบคุณข้อมูลจาก newtv


บทความที่น่าสนใจ

วิธีแก้ง่วงแบบธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งกาแฟสักแก้ว!

พักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลอะไรแก่ สุขภาพ เราบ้าง