น้ำมันมะพร้าว กับเรื่องของสุขภาพ
น้ำมันมะพร้าว กับเรื่องของสุขภาพ
น้ำมันมะพร้าว เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็รู้จักกันดี และหลาย ๆ บ้านก็คงจะมีติดบ้านเอาไว้ เพราะรู้ว่าน้ำมันมะพร้าวนั้นมีประโยชน์สารพัด แต่ก็ยังมีคนที่ไม่รู้ว่าน้ำมันมะพร้าวมีประโยชน์อะไรบ้าง วันนี้เราจะพามาดูประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวกัน
ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าว
ลดน้ำหนักและลดความอ้วน
เชื่อว่าน้ำมันมะพร้าวอาจมีคุณสมบัติและการทำงานแตกต่างจากไขมันชนิดอื่น โดยแทนที่ร่างกายจะเปลี่ยนไขมันที่ได้รับเป็นไขมันสะสมในร่างกาย น้ำมันมะพร้าวอาจช่วยให้เผาผลาญไขมันได้มากขึ้น และส่งผลให้น้ำหนักลดลงด้วย มีการศึกษาหนึ่งที่ทดลองกับผู้หญิงที่มีภาวะอ้วนลงพุง 40 คน อายุอยู่ระหว่าง 20 - 40 ปี กลุ่มหนึ่งให้รับประทานน้ำมันถั่วเหลือง ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งรับประทานน้ำมันมะพร้าววันละ 30 มิลลิลิตร นาน 12 สัปดาห์ และให้ทั้งหมดลดการรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต แต่เพิ่มโปรตีนและเส้นใยอาหารมากขึ้น ส่วนไขมันนั้นรับประทานเท่าเดิม ร่วมกับการเดินออกกำลังกายอีกวันละ 50 นาทีควบคู่ไปด้วย ผลลัพธ์พบว่า อาสาสมัครทั้ง 2 กลุ่มมีดัชนีมวลกายลดลง แต่เฉพาะในกลุ่มที่รับประทานน้ำมันมะพร้าวเท่านั้นที่มีรอบเอวลดลง โดยชี้ว่าการรับประทานน้ำมันมะพร้าวไม่ได้ส่งผลให้เกิดไขมันในเลือดสูงแต่ประการใด แต่ว่ากลุ่มที่รับประทานน้ำมันถั่วเหลืองกลับมีไขมันไม่ดีในเลือดสูงขึ้น และมีไขมันดีลดลง
ดีต่อสุขภาพหัวใจ
มีงานวิจัยบางงานออกมาว่าไขมันไตรกลีเซอไรด์สายยาวปานกลางในน้ำมันมะพร้าว อาจช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดดีในเลือด ซึ่งเป็นไขมันที่มีหน้าที่ช่วยขจัดไขมันส่วนเกินชนิดไม่ดีออกไป และหากเป็นเช่นนั้นจริง การรับประทานน้ำมันมะพร้าวก็อาจเป็นโทษต่อสุขภาพหัวใจน้อยกว่าการรับประทานไขมันอิ่มตัวชนิดอื่น ๆ เช่น ชีส สเต็กติดมัน หรือไขมันอิ่มตัวชนิดไม่ดีทั้งหลาย แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนเห็นแย้งว่า แม้จะมีงานวิจัยในคนบางกลุ่มบางประเทศที่ใช้น้ำมันมะพร้าวปรุงอาหารเป็นประจำ แล้วไม่ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจสูงขึ้น แต่เป็นไปได้สูงที่ผลการศึกษาเหล่านั้นจะมีปัจจัยอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น พันธุกรรม พฤติกรรมการรับประทานอาหารอื่น ๆ และการออกกำลังกายในแต่ละวัน ทำให้ไม่อาจยืนยันได้ว่าน้ำมันมะพร้าวเป็นไขมันที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ นอกจากนี้ ยังควรตะหนักเอาไว้เสมอ ว่าน้ำมันมะพร้าวเองก็สามารถทำให้เกิดไขมันชนิดไม่ดีที่อาจก่อให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดที่มาเลี้ยงหัวใจได้เช่นกัน โดยในน้ำมันมะพร้าวเพียง 1 ช้อนโต๊ะประกอบด้วยไขมันอิ่มตัวถึง 13 กรัม หรือเท่ากับ 120 แคลอรี่ ซึ่งเป็นปริมาณไขมันอิ่มตัวที่ทางสมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกันแนะนำให้รับประทานไม่เกินจากนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการพลังงานประมาณ 2,000 แคลอรี่ต่อวัน
รักษาโรคอัลไซเมอร์
คุณสมบัติหนึ่งในการรักษาโรคนี้ของน้ำมันมะพร้าวเกิดจากการมีงานวิจัยเกี่ยวกับอาหารทางการแพทย์สำหรับรักษาโรคอัลไซเมอร์ชนิดหนึ่ง บอกว่าสามารถทำให้เกิดสารคีสโตนในร่างกาย ซึ่งเป็นสารที่อาจเผาผลาญพลังงานได้ดีกว่ากลูโคสในสมองของผู้ป่วยอัลไซเมอร์ พิสูจน์จากการทดสอบที่พบว่าอาสาสมัครที่รับประทานนั้นมีความทรงจำที่ดีขึ้น และเนื่องจากในน้ำมันมะพร้าวนั้นมีไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์สายยาวปานกลางที่จะแตกตัวออกเป็นสารคีโตนเมื่อเข้าสู่ร่างกายเช่นกัน จึงกลายมาเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีการโฆษณาสรรพคุณรักษาอัลไซเมอร์อย่างแพร่หลาย
โรคเบาหวาน
สำหรับประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวในด้านนี้ที่มีการพูดถึงค่อนข้างมาก ซึ่งแม้จะมีงานวิจัยบางงานที่กล่าวสนับสนุน แต่ก็ยังเป็นเพียงแค่การศึกษาในสัตว์ เช่น งานวิจัยกับหนูทดลองที่พบว่าอาหารที่มีไขมันไตรกลีเซอไรด์สายปานกลางสูงอย่างน้ำมันมะพร้าว อาจช่วยลดการสะสมเนื้อเยื่อไขมัน รวมถึงรับมือกับภาวะดื้ออินซูลิน ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และอีกงานวิจัยหนึ่งที่พบว่าการให้หนูที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 กินน้ำมันมะพร้าว สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และมีผลการตรวจความทนทานต่อน้ำตาลดีขึ้น ซึ่งหากได้ผลเช่นเดียวกันกับการวิจัยในคน ก็อาจจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคเบาหวานในการป้องกันภาวะไขมันในเลือดสูง
ป้องกันผลข้างเคียงจากการทำเคมีบำบัดในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม
การรักษาโรคมะเร็งด้วยการทำเคมีบำบัด อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ตามมา มีงานวิจัยที่ทดลองนำน้ำมันมะพร้าวมาใช้ประโยชน์ในด้านนี้ ศึกษาโดยแบ่งครึ่งผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมในระยะที่ 3 และ 4 จำนวน 60 คน เป็นกลุ่มที่รับประทานน้ำมันมะพร้าวและกลุ่มควบคุม ผลลัพธ์ปรากฏว่ากลุ่มที่รับประทานน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ระหว่างช่วงรับการทำเคมีบำบัด มีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และยังพบว่าน้ำมันมะพร้าวมีส่วนช่วยลดอาการที่เป็นผลข้างเคียงจากการได้รับยาเคมีฆ่าเซลล์มะเร็ง เช่น อาการอ่อนเพลีย หอบเหนื่อย นอนไม่หลับ และไม่อยากอาหาร
รักษาโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
เป็นโรคที่ส่งผลให้ผิวหนังคัน แดง แห้ง ตกสะเก็ด และเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากแบคทีเรียที่ผิวหนังตามมา ซึ่งผู้ป่วยมักต้องใช้มอยซ์เจอไรเซอร์คอยบำรุงผิวหนัง น้ำมันมะพร้าวเป็นตัวเลือกหนึ่งที่นิยมนำมาใช้ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เพื่อบรรเทาอาการระคายเคืองของผิว และยังช่วยลดจำนวนแบคทีเรียสแตฟิโลค็อกคัสบนผิวหนัง หนึ่งในตัวการที่ทำให้เกิดการติดเชื้อที่ผิวหนัง
รักษาโรคสะเก็ดเงิน
การทาน้ำมันมะพร้าวบนหนังศีรษะหลังจากอาบน้ำประมาณครึ่งชั่วโมง โดยค่อย ๆ นวดแล้วล้างออก เป็นวิธีทางธรรมชาติที่เชื่อว่าอาจช่วยขจัดสะเก็ดบนหนังศีรษะจากโรคสะเก็ดเงินได้ แต่ว่าการใช้น้ำมันมะพร้าวบรรเทาอาการด้วยการทาผิวหนังหรือหนังศีรษะนั้นยังไม่มีผลการศึกษาที่พอจะช่วยบ่งบอกได้ว่ามีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด สำหรับใครที่ต้องการลอง ควรระมัดระวังในการใช้เพื่อความปลอดภัย
บำรุงเส้นผม
น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันชนิดเดียวที่พบว่ามีคุณประโยชน์ช่วยลดการสูญเสียโปรตีนของเส้นผมได้ดี เมื่อใช้ทาแล้วล้างออกก่อนและหลังการใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผมจากสารเคมีทั้งหลาย โดยเห็นผลทั้งเมื่อใช้กับผมที่แห้งเสียและผมสุขภาพดี อาจเป็นเพราะกรดลอริก (Lauric Acid) ในน้ำมันมะพร้าวซึ่งเป็นไขมันไตรกลีเซอไรด์นั้นมีความสามารถในการจับตัวกับโปรตีนในเส้นผมสูง เพราะมีน้ำหนักโมเลกุลต่ำและโครงสร้างทางเคมีเป็นสายตรง จึงสามารถแทรกซึมเข้าสู่ภายในเส้นผมได้ดี
ขจัดคราบจุลินทรีย์และแบคทีเรียในช่องปาก
เนื่องจากกรดลอริกในน้ำมันมะพร้าวนั้นมีคุณสมบัติลดการอักเสบและต้านเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เชื่อว่าการอมน้ำมันมะพร้าวในปากอาจไปช่วยจับเชื้อแบคทีเรียและจุลินทรีย์ไม่พึงประสงค์ภายในปาก และถูกกำจัดออกไปหลังจากถูกบ้วนทิ้ง
อ่านบทความเพิ่มเติม
บทความที่น่าสนใจ